ชีวิตคือความเปราะบางอันงดงาม
- สมภพ แจ่มจันทร์

- 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ผีเสื้อไม่ได้นับเดือนปี แต่นับเป็นห้วงขณะ และเพียงแค่นั้นก็ยาวนานพอแล้ว - รพินทรนาถฐากูร, หิ่งห้อย
ต้นเลมอนลิสบอนใบด่างต้นน้อยที่ครอบครัวของเราปลูกไว้มีผีเสื้อหนอนมะนาวมาวางไข่ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ จนกระทั่งเช้าวันหนึ่งที่ผมเดินออกมาสูดอากาศในสวน จึงได้เห็นหนอนผีเสื้อตัวน้อย ลำตัวตะปุ่มตะป่ำสีดำแต้มลวดลายสีขาว กำลังกัดกินใบเลมอนเป็นมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อย ตอนแรกผมเห็นเพียงตัวเดียว แต่เมื่อเพ่งพินิจตามกิ่งก้านไปเรื่อย ๆ ก็พบเพิ่มเป็นสองตัว สามตัว สี่ตัว จนกระทั่งนับรวมได้ทั้งหมด 9 ตัว
ขืนปล่อยไว้แบบนี้ ต้นเลมอนลิสบอนใบด่างคงเหลือแต่กิ่งก้านแน่นอน คิดได้ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจนำพี่น้องหนอนมาใส่ไว้ในตระกร้าใบเก่าที่ลูกเคยใช้ใส่ของไปโรงเรียน แม้จะถูกจับย้ายถิ่นฐาน แต่บรรดาหนอนก็ยังคงก้มหน้ากินอาหารเช้าต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต้นเลมอนปลอดภัยแล้ว แต่ปัญหาใหม่คือ แล้วผมจะทำยังไงกับหนอนเหล่านี้? คำตอบนั้นคาดเดาได้ไม่ยาก ผมก็ต้องรับบทเป็นผู้เลี้ยงดูมันนั่นไง นับจากนั้นมวลหมู่หนอนมะนาวทั้งเก้าตัวจึงกลายเป็นสัตว์เลี้ยงชั่วคราวประจำบ้าน ผมให้เหตุผลกับตัวเองว่าทำไปเพื่อให้ลูก ๆ ได้เรียนรู้วงจรชีวิตของผีเสื้อ และฝึกจิตใจให้อ่อนโยน แต่ลึก ๆ แล้ว คนที่ได้เรียนรู้เป็นหลักน่าจะเป็นตัวพ่อเองนี่แหละ

เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ หนอนผีเสื้อ 6 ตัวกลายร่างเป็นผีเสื้อหนอนมะนาวโดยสมบูรณ์และโบยบินสู่อิสรภาพอย่างรวดเร็ว ส่วนอีกตัวตายตั้งแต่ยังไม่เข้าดักแด้ อีกหนึ่งตัวตายขณะพยายามออกจากดักแด้ เหลือเพียงตัวสุดท้ายที่มีเรื่องราวแตกต่างออกไป เพราะเมื่อถึงระยะเข้าดักแด้ มันไม่ได้สร้างเส้นใยห้อยตัวกับผนังตะกร้าเหมือนพี่น้อง แต่กลับนอนนิ่งอยู่ที่ก้นตะกร้า ทำให้เมื่อกลายเป็นผีเสื้อ ปีกของมันจึงหงิกงอไม่สมบูรณ์
ทีแรกผมหวังว่ามันคงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะบินได้ แต่ผ่านไปหลายชั่วโมง เจ้าผีเสื้อน้อยก็ยังคงทำได้เพียงเกาะนิ่งสลับกับหล่นลงไปนอนดิ้นที่พื้นตะกร้า ถึงตรงนี้ผมได้ข้อสรุปว่ามันคงบินไม่ได้ตลอดกาล ทีนี้จะทำอย่างไรดี ผมพยายามค้นหาวิธีช่วยชีวิตมันจากอินเตอร์เน็ต ได้คำตอบว่าต้องหาอาหารป้อนให้เพราะมันหากินเองไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นน้ำหวานจากเกสรดอกไม้หรือผลไม้ เมื่อนำมาจ่อที่ปาก มันกลับไม่ยอมกิน แม้จะลองพามันไปเกาะบนดอกไม้จริง ๆ มันก็ไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะดูดน้ำหวานเองได้ วินาทีนั้น ผมรู้สึกถึงความไร้หนทางอันน่าอึดอัด ในฐานะพ่อที่มักเชื่อว่าตัวเองปกป้องดูแลทุกชีวิตในบ้านได้ การต้องยืนมองลมหายใจเล็ก ๆ ค่อย ๆ มอดดับลงโดยที่มือคู่นี้ทำอะไรไม่ได้เลย มันช่างเจ็บปวดและสอนให้รู้ซึ้งถึงขอบเขตที่มนุษย์มิอาจก้าวล่วง
ในที่สุดเจ้าผีเสื้อปีกไม่สมบูรณ์ก็จากเราไป ไม่ใช่ด้วยการโผบินเหมือนตัวอื่น แต่จากไปโดยนอนแน่นิ่งอยู่ที่ก้นตะกร้า ปีกหงิกงอทั้งสองข้างที่เคยขยับอย่างรวดเร็วยามตื่นตระหนก ค่อย ๆ แผ่วลงจนสนิทนิ่ง
กว่าที่หนอนสักตัวจะเติบโตเป็นผีเสื้อ ต้องใช้เวลาร่วมหนึ่งเดือน ผมต้องเฝ้าหาใบไม้ให้มันกิน คอยเก็บกวาดมูลที่ขับถ่ายออกมาแทบจะทันทีเมื่อกินอาหารเข้าไป และคอยย้ายตะกร้าหลบอากาศเย็นในยามค่ำคืน ทุกคนในครอบครัวตื่นเต้นเสมอเมื่อตื่นเช้ามาพบว่าดักแด้เมื่อคืนได้กลายเป็นผีเสื้อขยับปีกไปมา เพราะเราไม่มีทางรู้ล่วงหน้าว่าพวกมันจะแปลงโฉมจากดักแด้เป็นผีเสื้อในวันใด แต่เมื่อเราเปิดตะกร้า เหล่าผีเสื้อที่สมบูรณ์ก็มักอวดปีกงดงามและบินจากไปในทันที ยังไม่ทันที่เราจะได้ชื่นชมให้สมกับที่รอคอย

เช่นเดียวกับสิ่งดีงามทั้งหลายในชีวิต เมื่อรู้ตัวอีกทีโมงยามแห่งความสุขนั้นก็ผ่านพ้นไปรวดเร็วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่เจ้าผีเสื้อปีกไม่สมบูรณ์กลับอยู่กับเรานานกว่านั้น เฉกเช่นความทุกข์ที่มักคงอยู่นานกว่าความสุข ลึก ๆ แล้วผมคาดหวังปาฏิหาริย์ว่าสักวันปีกคู่นั้นจะขยับบินได้ แต่ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง มีเพียงความจริงอันน่าเศร้าที่ต้องยอมรับ ในช่วงเวลาสุดท้าย ผมกับลูกชายคนเล็กพามันมานอนสงบที่ใต้ต้นเลมอนถิ่นกำเนิด มันขยับปีกอย่างแผ่วเบาราวกับลมหายใจรวยริน เราเฝ้าดูมันจากไปด้วยความโล่งใจที่เจือด้วยความสงสาร ชีวิตนั้นช่างเปราะบาง แต่มันก็งดงาม... บางทีความงามของชีวิตอาจแยกไม่ออกจากความเปราะบางของมัน
“มันจะได้ขึ้นสวรรค์ไหมพ่อ” ลูกชายเอ่ยถาม “พ่อคิดว่าอย่างนั้นนะ” ผมตอบ “บนสวรรค์มันจะบินได้ไหม” ลูกถามต่อ “ได้สิ มันจะบินได้แน่นอน”
ผมตอบไปทั้งที่ไม่รู้หรอกว่าผีเสื้อมีสวรรค์ไหม และบนนั้นมันจะบินได้จริงหรือเปล่า ผมเพียงตอบสิ่งที่คิดว่าลูกอยากได้ยิน หรือจริง ๆ แล้วเป็นตัวผมเองที่อยากเชื่อเช่นนั้น ผมรับรู้ได้ว่าลูกชายเห็นอกเห็นใจเจ้าผีเสื้อที่บินไม่ได้ และหวังให้มันได้เป็นอิสระ ก่อนหน้านี้เราเคยคุยเรื่องชีวิตหลังความตายผ่านหนังสือภาพสำหรับเด็กที่ฉายภาพสวรรค์และนรกในจินตนาการ—บนสวรรค์เราจะได้กินของอร่อย มีวิวทิวทัศน์สวยงาม และเปลี่ยนทรงผมได้ตามใจชอบ ส่วนในนรกเราต้องใส่ชุดที่ทั้งคันทั้งคับและทำภารกิจน่าเบื่ออย่างการแยกเม็ดทรายหรือแก้ด้ายที่พันกัน
แต่สวรรค์ของผีเสื้อจะเป็นสถานที่แบบไหนกันนะ? มันจะมีแค่ผีเสื้อ หรือมีมนุษย์รวมอยู่ด้วย? แต่ถ้ามีมนุษย์อยู่ด้วย นั่นอาจไม่ใช่สวรรค์ของผีเสื้อ แต่อาจเป็นนรกสำหรับพวกมันเสียมากกว่า เพราะในโลกความจริง มนุษย์คือผู้ทำลายที่อยู่อาศัย คือผู้ฉีดพ่นยาฆ่าแมลง และคือยักษ์ใหญ่ที่พร้อมจะบดขยี้พวกมันโดยไม่ตั้งใจ สวรรค์ที่แท้จริงของผีเสื้อจึงควรเป็นดินแดนที่ไร้เงาของมนุษย์ เป็นที่ที่พวกมันจะได้โบยบินอย่างเสรีโดยไม่ต้องหวาดระแวง
เมื่อพิจารณาคำถามของลูกอย่างจริงจัง มันไม่ใช่คำถามเชิงข้อเท็จจริงที่มีคำตอบตายตัว แต่เป็นคำถามเชิงอภิปรัชญาที่มนุษย์เฝ้าขบคิดมาตลอดประวัติศาสตร์ เป็นคำถามถึงความจริงสูงสุดที่อยู่เหนือสิ่งที่เรามองเห็นหรือพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ เป็นคำถามเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายและวิญญาณของสัตว์ ที่ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงและไม่มีทางที่จะมีข้อสรุปง่าย ๆ ที่จริงแล้วคำถามสำคัญของชีวิตนั้นไม่เคยมีคำตอบที่ชัดเจน แต่สังคมทุกวันนี้มักทำให้เราเชื่อว่าทุกคำถามมีคำตอบสำเร็จรูป แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะมีคำตอบเหล่านั้นกลับไม่ช่วยให้เราเข้าใจแก่นแท้ของชีวิตเลย เราคงต้องตั้งคำถามและค้นหากันต่อไป เพราะบางคำถามอาจไม่มีคำตอบที่แท้จริง หรือเราอาจไม่มีวันล่วงรู้คำตอบนั้นได้เลย หรืออย่างน้อยที่สุดตอนนี้เราก็ยังไม่มีวิธีการที่ดีพอที่จะค้นพบคำตอบ

แม้จะอยากให้เจ้าผีเสื้อตัวน้อยได้ขึ้นสวรรค์และโบยบินตามใจปรารถนา แต่ผมไม่ได้สนใจชีวิตหลัง ความตายมากเท่าชีวิตในวันนี้ ผมไม่ได้สนใจว่าสุดท้ายแล้วเจ้าผีเสื้อปีกไม่สมบูรณ์จะได้ไปสวรรค์จริง ๆ หรือเปล่า มากเท่าการได้รู้ว่ามันได้ยุติความทุกข์ทรมานจากความพิการของตัวเองไปแล้ว การเลี้ยงหนอนผีเสื้อชวนให้ตระหนักถึงความเปราะบางและความไม่จีรัง ทุกสิ่งดำรงอยู่เพียงชั่วคราว มีเพียงความเปลี่ยนแปลงเท่านั้นที่เป็นนิรันดร์
ในขณะที่ผมกำลังเขียนบทความนี้ ร่างของผีเสื้อปีกไม่สมบูรณ์คงย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยให้กับต้นเลมอนไปแล้ว ปีกที่เคยบิดเบี้ยวของมันคงได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของยอดอ่อนที่ผลิบาน รอคอยที่จะโอบอุ้มชีวิตเล็ก ๆ ชีวิตใหม่ที่อาจแวะเวียนมา ส่วนลูกชายตัวน้อยของผม วันหนึ่งเขาก็จะเติบโตและลืมเลือนไปว่าครั้งหนึ่งเคยช่วยพ่อเลี้ยงหนอนผีเสื้อและตั้งคำถามเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายของมัน และเมื่อถึงวันหนึ่ง ผมเองก็อาจหลงลืมเรื่องราวเหล่านี้ไปตามสังขารที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลา เหลือทิ้งไว้เพียงตัวอักษรที่บันทึกเรื่องราวนี้ไว้ โดยอาจไม่มีใครได้เปิดอ่านมันอีกเลย



