top of page

คุณค่าของความสัมพันธ์ไม่ได้มีเพียงแค่ด้านที่ตรงใจ

  • รูปภาพนักเขียน: กวีไกร ม่วงศิริ
    กวีไกร ม่วงศิริ
  • 3 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 1 นาที

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางคนเมื่อมาใช้บริการปรึกษากับนักจิตวิทยาแล้ว อดไม่ได้ที่จะคิดเปรียบเทียบกับบางความสัมพันธ์ในชีวิตจริงที่ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกว่าได้รับความใส่ใจและเข้าอกเข้าใจเหมือนกับที่ได้รับจากนักจิตวิทยา แม้จะเข้าใจว่าคนแปลกหน้าย่อมให้ความเป็นกลางทางความรู้สึกได้มากกว่าคนใกล้ชิด โดยเฉพาะนักจิตวิทยาที่มีทักษะทางวิชาชีพด้วย แต่ก็อดรู้สึกผิดหวังกับคนใกล้ตัวที่น่าจะใส่ใจกันมากกว่านี้ไม่ได้อยู่ดี


หลายครั้งเราพบว่าการคุยกับคนไกลตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานคนละแผนก คนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน รวมถึงนักจิตวิทยาที่พบกันครั้งแรก กลับทำให้เรารู้สึกสบายใจมากกว่าคนที่อยู่ใกล้ชิดในชีวิตประจำวัน มันเข้าใจได้มาก ๆ ที่เราจะรู้สึกแบบนั้น เพราะคนไกลตัวมักไม่มีภาพจำเก่า ไม่มีเหตุการณ์ในอดีตมาซ้อนทับ ไม่มีความคาดหวังซ่อนอยู่ในใจเมื่อฟังเรา เขาฟังจากสิ่งที่เราพูดตรงหน้า ไม่ได้ฟังผ่านเลนส์ของประสบการณ์ที่ผ่านมา เราจึงรู้สึกว่าเขาเข้าใจเราได้มากกว่า ในขณะที่เราเองก็พูดออกไปได้ตรงกว่า เพราะไม่ต้องระวังว่าอะไรจะไปกระทบความสัมพันธ์ระยะยาว ไม่ต้องแบกความรับผิดชอบต่อความรู้สึกของอีกฝ่ายจนเกินไป เราจึงรู้สึกปลอดโปร่งสบายใจระหว่างพูดคุย


ree

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยมีความคิดว่าความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ คือท่าทีที่ห่วงใย ใส่ใจดูแลและให้การสนับสนุนกัน รับฟังอย่างเข้าอกเข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกัน ซึ่งมุมมองนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่นั่นอาจเป็นภาพของความสัมพันธ์ที่ตกหล่นอะไรไปหลาย ๆ ด้าน


เมื่อเรามีความสัมพันธ์กับใครสักคน เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเราต่างกำลังมีผลอะไรบางอย่างต่อกันและกัน ยิ่งรู้จักกันมากขึ้น ความสัมพันธ์ก็มีมิติที่เกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อนมากขึ้นตามไปด้วย สิ่งดีที่เคยทำให้กัน สิ่งแย่ที่เคยกระทบกัน ความประทับใจและความคาดหวังต่อกันและกัน ฯลฯ เหล่านี้กลายเป็นประสบการณ์ที่มีอิทธิพลต่อท่าทีต่อกันและกัน และมักเป็นปัจจัยที่ทำให้เรารู้สึกว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนไป หรือไม่ก็เรารู้สึกเปลี่ยนไปต่ออีกฝ่าย


หากภาพความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพนั้นหมายถึงเฉพาะด้านที่ทำให้รู้สึกดี เราก็กำลังมองข้ามคุณค่าของด้านอื่น ๆ ในความสัมพันธ์ เช่น ความพยายามในการปรับตัวของกันและกัน ที่แม้จะรู้สึกขุ่นเคือง อึดอัด ไม่พอใจ แต่ก็ต้องพยายามจัดการใจ อดกลั้น หรือเสียสละเพื่อประคับประคองให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปต่อได้ หรือในบางกรณีอาจเป็นการเผชิญความกังวลเพื่อที่จะเปิดใจต่อกันอย่างจริงใจตรงไปตรงมา


ตัวอย่างเช่น พ่อแม่ที่แม้เพิ่งถกเถียงกับลูก แต่ก็ยังเตรียมอาหารเย็นแล้วเรียกให้ลงมากินด้วยกัน พร้อมจัดการงานบ้านต่าง ๆ ให้ลูกได้อยู่อย่างมีสุขอนามัย หรือคู่รักที่พยายามจะยอมรับในธรรมชาติของอีกฝ่าย โดยเลือกที่จะมองภาพรวมของความสัมพันธ์มากกว่าเฉพาะด้านที่รู้สึกผิดหวัง หรือกรณีของเพื่อนที่เลือกจะขัดขวางมากกว่าการสนับสนุนในเรื่องที่น่าเป็นห่วงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจก็ตาม


ree

เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว เราอาจย้อนกลับมามองความสัมพันธ์ใกล้ตัวด้วยสายตาอีกแบบหนึ่ง ความสัมพันธ์ที่มีประวัติร่วมกันย่อมเต็มไปกับความไม่เข้าใจ ความคลาดเคลื่อนไม่ตรงใจกัน ความอ่อนไหว และความรู้สึกส่วนตัวที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นธรรมชาติของความสัมพันธ์ในระยะยาว เป็นธรรมชาติของการรู้จักกันในหลายมิติ และรับรู้ถึงคุณค่าของความสัมพันธ์ที่ต่างฝ่ายต่างเห็นแง่มุมทั้งด้านที่สวยงาม ด้านที่ธรรมดา และความไม่พึงพอใจของกันและกัน และแม้จะเห็นทุกอย่างเหล่านั้น เราก็ยังเลือกอยู่เคียงข้างกันและกัน


ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับความสัมพันธ์ไกลตัวแล้ว คนใกล้ตัวอาจไม่ได้ตอบสนองความรู้สึกของเราได้อย่างอบอุ่นและตรงใจเสมอไป เราไม่จำเป็นต้องมองข้ามหรือปฏิเสธความรู้สึกไม่ดีเหล่านั้น แต่อย่างน้อยเราอาจได้เห็นและรับรู้ถึงคุณค่าของความสัมพันธ์ที่แฝงอยู่ภายใต้ภาพที่ไม่สวยงามได้เช่นกัน

©2017 KNOWING MIND CENTER

bottom of page