เรามักมีปฏิกิริยาโต้ตอบ (reaction) ต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัวโดยอัตโนมัติ แต่การกระทำเช่นนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ เราสามารถตอบโต้สิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เช่น การหักพวงมาลัยรถหลบสุนัขที่วิ่งตัดหน้า แต่ข้อเสียคือ บางสถานการณ์เรียกร้องให้คุณตอบสนอง (response) อย่างมีสติมากกว่าการมีปฏิกิริยาตอบโต้ เช่น การพูดคุยกับคนรักในประเด็นที่ละเอียดอ่อน
ปฏิกิริยาโต้ตอบของเราถูกหล่อหลอมขึ้นจากการเลี้ยงดูและประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เราพบเจอในชีวิต เราไม่ได้เลือกที่จะมีปฏิกิริยาแบบใดแบบหนึ่ง แต่เราถูกกำหนดให้มีปฏิกิริยาบางแบบผ่านการวางเงื่อนไขและการเรียนรู้ และการมีปฏิกิริยาต่อสิ่งต่าง ๆ โดยไม่รู้ตัวนี่เองเป็นบ่อเกิดของปัญหามากมายในชีวิตของคนเรา
ตัวอย่างที่ใกล้ตัวมากคือ ปัญหาความสัมพันธ์ที่มักเกิดจากการมีปฏิกิริยาโต้ตอบกันของคู่รัก เรามักโต้เถียงและใช้ถ้อยคำรุนแรงเมื่อไม่ถูกใจ แทนที่จะรับฟังและพูดคุยด้วยเหตุผล เพียงแค่เรารู้ตัวและเลือกตอบสนองอย่างเหมาะสม ความสัมพันธ์ก็จะราบรื่นขึ้นมาก
ในหนังสือ Beyond Feelings: A Guide to Critical Thinking ของ วินเซนต์ ไรอัน รัคจิเอโร (Vincent Ryan Ruggiero) ได้ให้แนวทางการเปลี่ยนจากการมีปฏิกิริยาเป็นการตอบสนองในสถานการณ์ที่จำเป็น เอาไว้ดังนี้
ให้ถือว่าปฏิกิริยาแรกของคุณที่มีต่อบุคคล ประเด็น หรือสถานการณ์ใด ๆ ว่าเป็นเพียงปฏิกิริยาชั่วคราว ไม่ว่ามันจะดึงดูดใจเพียงใด ให้ปฏิเสธที่จะยอมรับมันจนกว่าคุณจะได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว
พิจารณาว่าทำไมคุณถึงมีปฏิกิริยาเช่นนั้น ใคร่ครวญว่าคุณยืมปฏิกิริยานั้นมาจากใครหรือเปล่า – พ่อแม่หรือเพื่อน หรือบางทีอาจจะเป็นคนดังหรือตัวละครในทีวี หากเป็นไปได้ ให้ระบุว่าประสบการณ์ใดที่จำเพาะเจาะจงเป็นตัวหล่อหลอมให้คุณมีปฏิกิริยาดังกล่าว
นึกถึงปฏิกิริยาอื่น ๆ ที่คุณอาจแสดงออกมาต่อบุคคล ประเด็น หรือสถานการณ์นั้น
ถามตัวคุณเองว่ามีปฏิกิริยาอื่นใดที่เหมาะสมมากกว่าปฏิกิริยาแรกของคุณหรือไม่ และเมื่อคุณพบคำตอบ คุณจะสามารถต้านทานอิทธิพลของกระบวนการที่หล่อหลอมคุณได้
ผมคิดว่าเราคงไม่สามารถขจัดปฏิกิริยาที่สร้างปัญหาในชีวิตให้หมดไปได้ทันที แต่การเท่าทันตัวเองและสามารถเลือกการตอบสนองได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น ก็จะค่อย ๆ ช่วยลดปฏิกิริยาที่สร้างปัญหาลง
ลองนำแนวทางนี้ไปใช้กันดูนะครับ
แหล่งข้อมูล
Ruggiero, V. R. (2011). Beyond feelings: A guide to critical thinking (9th ed.). McGraw-Hill.